ในยุคนี้มนุษย์ถูกบังคับให้เรียนหนังสือ
ในประเทศไทยถูกบังคับให้ใช้เวลาตั้งแต่ ประมาณ 5ขวบ ถึง 17ปี ให้เรียนหนังสือ
ในช่วงเวลานั้นกำหนดให้คนๆนึงต้องเอาเวลาชีวิตสิบสองปีมาใช้ที่นี่
จะชอบหรือไม่ชอบก็ตาม แต่ยังไงก็ต้องใช้เวลานี้ในการมาโรงเรียน
หากมีใครสักคนที่ไม่ได้เรียนหนังสือในช่วงเวลานี้จะถูกมองอย่างแปลกๆ
ดูแล้วเป็นคนผิดปกติ
ผมเชื่อว่ามีพ่อแม่หลายคนที่นำลูกเข้าเรียน
ก็เพื่อให้ลูกตัวเองไม่แตกต่างกับคนหมู่มากในสังคม
ความรู้เป็นสิ่งที่ดี
การพัฒนาสมองทำให้เกิดความก้าวหน้า
แต่ควรจะมีทางเลือกให้มากกว่านี้
เด็กหลายๆคนเสียเวลาไปมากในช่วงเวลานี้
เรียนสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ถนัด ไม่ได้มีโอกาสได้ใช้ในอนาคตเลย
บางครั้งก็เหมือนๆเสียเวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์
เด็กหลายคนเกิดมาเพื่อศิลปะ
แต่สิ่งที่เรียนในโรงเรียนปกติไม่ได้เน้นในเนื้อหาสิ่งนี้เลย
เด็กบางคนไม่ถนัดในการอยู่ในสังคม เเค้าไม่ถนัดในการอยู่ในสังคมหมู่มาก
เค้าเหมาะกับสังคมกลุ่มเล็กๆ เมื่อมาอยู่ในโรงเรียน เค้าจะถูกแกล้งและไม่มีที่อยู่ในสังคมโรงเรียน
เด็กหลายคนไม่มีความสามารถในด้านการอ่าน
การจำ แต่เรียนรู้จากการลงมือทำ
ความสามารถที่แท้จริงของเด็กบางคนไม่มีโอกาสได้ใช้
หรือได้ขัดเกลาเมื่ออยู่ที่โรงเรียน
โรงเรียนเฉพาะทางอาจเป็นทางเลือกให้กับเด็กเหล่านี้
แต่ยังมีโรงเรียนเฉพาะทางน้อยนักในไทย
แต่ยิ่งกว่านั้นค่านิยมและการยอมรับยังมีไม่พอ
ที่จะทำให้โรงเรียนเฉพาะทางจะได้รับการยอมรับ
หลายครั้งเวลาที่มีคนจบจากโรงเรียนเฉพาะทางไปสมัครงานมักจะไม่ได้เครดิตดีเท่ากับโรงเรียนปกติ
มีเพื่อนผมคนนึงจบจากโรงเรียนเฉพาะทางจากญี่ปุ่นด้านการออกแบบกราฟฟิคทางเกม
ไม่สามารถสมัครบริษัทเกมได้เพราะเค้าบอกว่าต้องการวุฒิปริญญาตรี
ซึ่งเพื่อนผมไม่มีเพราะว่าจบม.6แล้วก็ไปเรียนโรงเรียนเฉพาะทางเลย
หากไม่มีวุฒิปริญญาตรี
คนจบวิชาชีพเฉพาะทางหางานยากมากในไทย
เราเหมือนถูกบีบต้องจ่ายค่าเทอมแพงๆเพื่อเรียนให้สูง
ซึ่งสิ่งที่เรียนบางครั้งไม่ได้มีประโยชน์หรืออยากที่จะเรียน
แต่เรียนเพื่อต้องการรายได้เพิ่ม
ในไทยยึดถือวุฒิมาก แต่ในญี่ปุ่นสามารถหางานที่เงินพอจะเลี้ยงชีพได้อย่างพอประมาณแม้ว่าจะไม่จบมหาวิทยาลัย
และคนส่วนใหญ่จะไม่เลือกเรียนมหาวิทยาลัย
เลือกเรียนวิชาชีพเฉพาะด้านแทน และบริษัทต่างๆก็ยอมรับในวุฒิวิชาชีพ
เค้าจึงไม่ถูกบีบให้ต้องจ่ายค่าเทอมแพงๆของมหาวิทยาลัย
ก็ยังสามารถหางานที่เงินดีได้
ค่านิยมว่าหากได้เรียน
ชีวิตก็ก้าวหน้า หากเรียนหนังสือยิ่งจบสูงๆก็ยิ่งเจริญก้าวหน้า
ผมเชื่อว่าอาจจะไม่เจริญก้าวหน้าก็ได้จริง
แต่มีโอกาสที่จะเรียกเงินได้เยอะอยู่
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ตาม ผมก็มีเพื่อนหลายคนที่อายุ
25 เรียนจบปริญญาโทแต่เงินเดือนไม่ถึงสองหมื่นบาทหลายคนมาก
ก็อย่างที่ว่าการเรียนจบสูงบางครั้งก็เรียกเงินได้ไม่มาก
แต่ก็มีความจริงอีกอย่าง คือ
คนที่เรียนไม่สูง แทบจะไม่มีโอกาสในการเรียกเงินเดือนสูงๆเลย
หรือโอกาสเข้าทำงานบริษัทดีๆก็น้อยมาก
สังคมมีค่านิยมยอมรับคนที่จบการศึกษาสูงๆแต่หลายๆครั้งก็ไม่รู้หรอกว่าเค้าเรียนอะไรมาบ้าง
เพียงแค่ใช้เป็นการกรองบุคคลากรที่จะมาร่วมงานด้วยเท่านั้นเอง
เพราะวิธีนี้ง่ายต่อผู้ประกอบการมาก (เพราะอย่างน้อยๆไม่ว่าคุณจะเก่งไม่เก่ง
แต่ความพยายามจนได้วุฒิมาก็การันตีความพยายามคุณระดับนึง)
แต่คนเรียนไม่สูงก็มีโอกาสจะก้าวหน้าได้ไม่แพ้คนที่จบสูงๆ
แต่อาจจะต้องมามุ่งเน้นในทางการทำธุรกิจ หรือค้าขาย
มีคนรวยมากๆหลายคนที่ไม่ได้จบมหาวิทยาลัย
เพื่อนผมคนนึงทำธุรกิจสำเร็จหลายอย่าง แต่ก็ยังเรียนเอแบ็คไม่จบเลย
แต่ความคิดความอ่านของเค้าดีกว่าคนที่จบปริญญาโทหลายคนมาก
ในเส้นทางนี้คนเรียนสูงหรือคนเรียนไม่สูงก็ไม่ต่างกัน
ความรู้ของคนที่เรียนมาสูงอาจจะนำมาใช้ไม่ได้ในเส้นทางนี้
ความรู้และข้อมูลมักจะมาจากประสบการณ์ในการทำงาน
หรือเรียกว่าทำธุรกิจไปเรียนรู้ไป
และข้อมูลก็เปลี่ยนไปตลอด
ไม่ใช่ว่าจะใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย
ความรู้ที่อยู่ในตำราจึงอาจจะไม่สามารถนำมาใช้ได้จริง
ทำให้คนที่เรียนไม่สูงสามารถที่จะมีรายได้มาก
หลายครั้งก็สร้างตำนานเศรษฐีมากนักต่อนักแล้ว
ทุกๆคนก็ทราบดีว่า
หลายๆความรู้ที่ได้เรียนจากโรงเรียนแทบจะไม่ได้ใช้ในชีวิตจริงเลย
เรื่องบางเรื่องเหมือนๆเสียเวลาเรียนไปอย่างนั้นแหล่ะ เพื่อให้จบเทอม เพื่อให้มีสังคม
เพื่อให้ไม่แตกต่างกับเพื่อนๆ เพื่อให้จบการศึกษาตามที่ถูกกำหนด หลายๆเรื่องไม่สามารถเลือกเรียนได้ในสิ่งที่อยากเรียน
แต่พอดีมันถูกบังคับด้วยหลักสูตร
ผมเชื่อว่าหากเอาเวลาที่เรียนการศึกษาภาคบังคับ
นำมาใช้ศึกษาอะไรสักอย่าง อย่างจริงจังในสิ่งที่ชอบ อาจจะทำให้เกิดบุคคลที่มีความสามารถในศาสตร์นั้นๆในระดับโลกได้เลย
ติดต่อ 084-919-5600,098-424-7672 Email: toytorich@gmail.com
Facebook : www.facebook.com/toytorich Line : @toytorich