ในEP2 ผมเล่าเรื่องลูกจ้างคนแรกของผม คือ แมว นะครับ
ปิดท้ายจบด้วยการที่แมวมาทำงานกับผม 2 ปี
ซึ่งพอลองมองกลับไป ผมถือว่าค่อนข้างนานมากเลยทีเดียว
สำหรับผมก็พอใจกับผลลัพธ์นะครับ ในเรื่องของการทำให้คนอยู่กับเราได้นานขนาดนี้
ธุรกิจของผมก็พอไปได้อยู่ครับ
มีเงินมาหล่อเลี้ยงและจ้างพนักงานได้ ไม่ขาดทุน
ไม่ได้กำไรอะไรมากมาย แต่ก็พอเลี้ยงชีพได้ พอจ่ายค่าใช้จ่ายได้
ผมค่อนข้างพอใจประมาณนึง
กลับมาที่เรื่องของแมว
ในปัจจุบันผมกับแมวไม่มองหน้ากันแล้วนะครับ
โกรธกันขนาดเดินผ่านก็ไม่ทักกันเลย
เรื่องของเรื่องเป็นอย่างนี้ครับ
คือหลังจากที่แมว เวลาผ่านไปนานหลายปี
ผมผ่านประสบการณ์มีลูกน้องมาอีกหลายคนจนเป็น 10 คน
ผมพบความจริงอย่างนึงว่า "ไม่มีใครอู้งานเท่าแมวเลย" !!
และไม่ใช่แค่เรื่องอู้นะครับ เรื่องของการเล่นลูกล่อลูกชน เล่นลูกตลบตะแลงไม่มีใครทำขนาดนั้น การทำงานและพฤติกรรมหลายๆ ลูกน้องคนอื่น ทำตัวดีกว่าแมวเกือบทุกคนเลยครับ !!
พอคิดดูย้อนกลับปรากฏว่าคือผมอยู่คุมแมว เป็นการดูแลลูกน้องเหมือนเป็นหัวหน้าเลยครับคือผมเกรงใจเค้ามากเกินไป
จริงอยู่ว่าแมวทำงานให้ผมได้
ถ้าเป็นพนักงานประจำอาจจะถูกไล่ออกไปแล้วก็ได้นะครับ
คือผมทำงานด้วยอย่างต้องอดทน มองข้าม ปิดตาข้างนึงไปหลายๆเรื่อง
เรื่องของเรื่อง คือ แมวเป็นคนที่มีความมั่นใจมากคนนึง และทำอะไรแบบตามใจตัวเอง ซะเยอะ
มีหลายเรื่องที่ผมก็ไม่ค่อยสบายใจหรอก แต่ก็มองข้ามๆไป คิดว่ามีคนอยู่ช่วยเฝ้าร้าน แม้จะผิดวินัยบ้างก็ยอมๆไป
ด้วยความที่หน้าร้านผมเนี่ยอยู่ใกล้หอเค้ามาก
บางวันเราเดินมาตรวจร้านก็ไม่เจอเค้านั่งคุมร้าน ล็อคประตูร้านและเปิดพัดลมค้างไว้ แล้วไปไหนไม่รู้
เท่าที่สังเกตเข้าใจว่าไปนอน อู้งาน แต่พอกลับมาก็อ้างว่าไปซักผ้า ไปอาบน้ำ อ้างอะไรไปเรื่อย
ด้วยความที่ระบบคุมร้านของผมค่อนข้างจะปล่อยอิสระจนเกินไป คือให้น้องได้คุมด้วยตัวเองเลย จะพัก จะทำอะไรก็ได้ แต่ขอให้ติดต่อไป
พอเด็กเค้าเห็นเราใจดี เห็นเราไม่ได้คุมอย่างเข้มงวด ก็เริ่มเกียจคร้าน เริ่มอู้งาน
หลายครั้งก็ชอบโกหก พูดจาไปเรื่อยแบบไม่ค่อยมีเหตุมีผล ฟังดูแล้วไม่ค่อยเมคเซ้น แต่พูดเพื่อแก้ตัวอะไรสักอย่าง นี่เป็นเรื่องที่ผมไม่ค่อยโอเค
เคยมีลักษณะแบบ โกงโอที คือผมให้โอทีเค้าด้วย ถ้ามาทำงานในวันหยุด หรือเกินช่วงเวลาที่กำหนด
ปกติก่อนมาทำก็จะให้แจ้งก่อนว่าจะทำโอที หรือจริงๆ คือ ผมจะไม่ให้ทำหรอก ถ้าไม่มีงานอะไร
น้องก็มาทำโดยไม่ได้บอกล่วงหน้า มาดูใบลงเวลา อ้าว วันอาทิตย์มาทำด้วยหรือ เค้าก็อ้างนู่นนี่ เราก็ใจดีหยวนๆให้เค้าไป ไม่ว่าอะไรแค่บอกว่าต้องแจ้งก่อนนะ ถ้าจะมาทำโอที
พอลองๆมาเช็คดู หลายครั้งเค้าลงเวลาทำงานไว้ แต่ไม่ได้เข้ามาทำงานก็มี คืออาจจะหายไป1-2 ชั่วโมง
ขาดลา มาสาย ก็ครบ มีแจ้งล่วงหน้าบ้าง ไม่ได้แจ้งบ้าง
เรื่องของหาย เงินหาย ผมคอยตรวจสอบอยู่เรื่อยๆ ยังจับไม่ได้น่ะครับ ไม่รู้ว่ามีหรือเปล่า แต่ยังไม่เจอตลอดสองปีก็ถือว่าโชคดี
แต่น้องเค้าชอบจัดสินค้าใหม่อยู่บ่อยๆ คือจริงๆมันก็ดี ร้านจะได้ดูเปลี่ยน แต่ข้อเสียคือ ของหายเราจะเช็คยากมาก
แต่มีอยู่ครั้งนึงเงินหายครับ คือลงยอดเงินลงในสมุดบัญชีขาย แต่ไม่มีเงินเก็บไว้ให้ สอบถามก็บอกว่าไม่รู้ ไม่มี บอกว่าผมเก็บเงินไปแล้ว
เราก็ตีความว่าเราอาจจะผิดพลาดเอง
พอผ่านไปไม่กี่วัน มีเงินมาหล่นอยู่ใต้โต๊ะ คือถ้าหล่นตรงนี้ตั้งแต่วันที่หาย ไม่มีทางที่ผมจะหาไม่เจอ
เหมือนมีคนพยายามทำเรื่องให้เป็นว่าเงินแค่หล่นอยู่ใต้โต๊ะไม่ได้มีใครเอาไป
เราก็ไม่อะไร เงินกลับมาก็ดีแล้ว ไม่ได้ไปว่า ไม่ได้ไปเคลมอะไรเค้า
บางครั้งน้องก็ไปรับจ็อบร้านข้าวข้างๆ ช่วยเค้าล้างจาน ปล่อยร้านผมทิ้งไว้ กะว่าถ้ามีลูกค้ามาก็กลับมาทันเพราะอยู่ข้างๆกัน
ในช่วงหลังๆแมวท้อง ช่วงท้องใกล้คลอดหนักๆแล้ว ที่จะไม่สะดวกมาทำงาน ในตอนนั้นผมก็จะหาคนมาทำแทนชั่วคราว
แมวเสนอให้เอาแฟนเค้ามาทำแทน
โดยปกติแฟนก็ทำงานคุมร้านเกมข้างๆ แต่เค้าบอกว่าในช่วงไม่กี่วันที่เค้าลาคลอด เค้าขอให้แฟนช่วยมาทำ
คือช่วงกลางวันร้านเกมยังไม่เปิดแฟนก็จะมาดูได้เต็มๆ
พอช่วงเย็นแฟนก็จะไปคุมร้านเกม แล้วแมวก็จะลงมานั่งคุมในร้านสักไม่กี่ชั่วโมงก็ปิดร้านได้ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรมาก
พอเอาจริงๆ ในช่วงเย็นร้านก็จะถูกปล่อยว่างครับ แมวไม่ได้มาคุม แฟนแมวก็ไม่มาเป็นแบบนี้อยู่หลายวันทีเดียว น่าจะเกือบเดือน
ถ้าให้สรุปรวมๆ ปัญหาหลักๆของเค้าคือ การไม่เอาใจใส่ในหน้าที่ของตัวเองให้เต็มที่ พอไม่มีคนคอยคุมก็ไปทำนู่นทำนี่ตามใจตัวเอง
ทั้งหมดทั้งมวลไม่ใช่ความผิดของน้อง เป็นคววามที่ผิดคือผมเองครับ
เรื่องราวอื่นๆของแมวน่าจะยังมีอีก แต่ไม่อยากจะพูดด้านลบของใครอื่นมากไปกว่านี้แล้วครับ ถือว่าแชร์ให้ฟังว่าผมเจออะไรเท่านั้นเองแล้วกันครับ
ปัญหาใหญ่สุดของแมวคือ เป็นคนไม่ยอมรับผิดในสิ่งที่ตัวเองทำ และไม่ชอบที่จะฟังเวลาเจ้าของพูด คือคุณเอ็ดอะไรเค้าไม่ได้เลย เค้าจะแข็งใส่คุณ
ทีนี่มาพูดถึงว่าทำไมผมถึงทะเลาะกับแมว
คือหลังจากผ่านมาหลายปี ลูกน้องคนล่าสุดของผมออกไป พอดีช่วงนั้นเห็นแมวมาทักทายผมอยู่บ่อยๆ เลยชวนให้มาคุมร้านด้วย
ตอนนั้นแมวทำงานอื่นอยู่ด้วย แต่ด้วยช่วงเวลาทำให้เค้ารับอีกจ็อบเพิ่มได้
พอทำงานไปได้สักพัก ผมสังเกตเห็นว่าแมวไม่ค่อยเข้าร้าน ไม่ค่อยอยู่ร้าน แม้จะเป็นช่วงเวลาทำงานที่ต้องเฝ้าร้าน
หลายๆครั้งก็อ้างว่าไปนู่น ไปนี่
จนมีอยู่ครั้งนึงผมกลับมา ผมเห็นสภาพร้านผมมีน้ำท่วมเต็มร้าน
ซึ่งเมื่อสองสามวันก่อนแมวก็บอกว่าจะทำความสะอาดร้าน
แต่นี่ผ่านมา 2-3 วันน้ำก็ยังไม่แห้ง เหมือนพึ่งจะเอาน้ำมาราด หรือไม่ก็ไม่ได้เช็ด
สภาพร้านแฉะไปทั้งร้าน ลูกค้าเข้ามาซื้อของไม่ได้แน่
ถ้าทำตั้งแต่สองสามวันที่แล้วทำไมยังไม่เสร็จ
ผมเรียกแมวมาเอ็ด
พอผมจะเอ่ยปากพูดอะไร แมวไม่ฟังอะไรเลย เถียงกลับอ้างนู่น อ้างนี้
ผมบอกให้ฟังผม เค้าก็ยังไม่หยุดพูด
ผมยังไม่ได้พูดในสิ่งที่อยากจะพูด หรืออบรมอะไรเลย
สุดท้ายจบลงด้วยการเค้าทำความสะอาดต่อให้เสร็จ จัดเก็บสินค้าเข้าไปยังชั้น
ผมจ่ายเงินค่าแรงของวันที่ทำมา และจากไป ไม่ได้พูดอะไรกันอีกเลย
สิ่งที่ผมได้ตระหนักคือ
ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาผมใจดีกับแมว เลยทำให้ได้เค้าทำงานในเวลาที่นานขนาดนั้น
หลังจากนั้นในการจ้างครั้งที่สอง ผมตรงไปตรงมา ผิดเป็นผิด ก็ว่ากันตามตรง ปรากฏว่าคุณจะเจอลูกน้องบางคนที่เค้ารับไม่ได้เลยกับวิธีนี้
แต่สิ่งที่ผมคิดคือ ถ้าลูกน้องไม่โอเค หักก็ต้องเป็นหัก อย่าออมชอมจนงานคุณเสีย อย่าสปอยเค้าเพราะคุณแค่ไม่กล้าที่จะตักเตือน หรือไม่กล้าที่จะไล่ใครออก เงินของคุณจ้าง งานของคุณต้องทำ อย่าให้เสียเพราะเกรงใจลูกจ้างเลย
ความสัมพันธ์หลังจบงานรอบแรกของผมกับแมวดีมากเลยนะครับ
และผมก็ได้ยินเรื่องราวของแมวต่างๆว่าหลังจากจบงานผมไปทำงานที่ไหนยังไง
ก็พบว่าแมวจะทำงานที่ไหนไม่ค่อยได้นาน อยู่ในสังคมบ้านแฟนไม่ค่อยได้
พอลงลึกถึงสาเหตุก็พบว่ามีอะไรที่แปลกๆหลายอย่าง คือทำไมเค้าต้องมาร้ายกับเราอย่างไม่มีเหตุผลแบบนี้ ถ้าให้เดาคิดว่าก็น่าจะมีอะไรที่เราไปทำไม่ดีกับเค้ามาก่อนหรือเปล่า เค้าเลยร้ายกับเรา
ผมว่าอาจจะมาจากนิสัยเอาแต่ประโยชน์ตัวเองของแมว เราทำให้โดนคนอื่นว่าอยู่บ่อยๆ และนางเป็นคนที่ไม่ทน ก็เลยต้องย้ายงานอยู่บ่อยๆ
ผมแม้ว่าจะไม่ได้มองหน้ากันแล้ว ถึงจะเจอกันอยู่บ่อยๆ เพราะเค้าก็ยังพักอยู่ไม่ไกลจากร้านผม ก็ขอให้แมวพบเจอแต่สิ่งดีๆแล้วกันครับ
ชีวิตไม่สิ้นก็ต้องสู้กันต่อไป