สิ่งที่จำเป็นในธุรกิจคือการทำการตลาดให้ดีและขายให้ได้มากๆ
ค่าใช้จ่ายทางาการตลาดเป็นค่าใช้จ่ายที่ถือว่าหนักมากอย่างนึง หลายครั้งสูงกว่าต้นทุนของสินค้าอีก บางครั้งก็เหมือนละลายไปกับน้ำโดยที่ไม่ได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า เรียกได้ว่าเป็นค่าใข้จ่ายที่มีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้เสียเงินฟรี หากเลือกลงเงินไปกับการทำตลาดที่ไม่ได้ประโยชน์ แต่ก็มีบางธุรกิจที่มีลูกค้าเข้ามาเองและจำนวนมากโดยที่ไม่ได้ทำกิจกรรมทางการตลาดอะไรมากมายนัก
ถ้าถามว่าเมื่อไหร่จะหยุดหรือชะลอค่าการตลาด ผมมองว่าหนึ่งในสถานการณ์ที่ควรลดค่าการตลาดคือ เมื่อกำลังการผลิตเต็มแล้ว
เพื่อนผมคนนึงขายสินค้าแฮนเมด โดยเป็นทั้งผู้ผลิตและผู้ขาย
สินค้าของเค้ามีต้นทุนไม่ถึง 20 เปอเซ็นต์ของยอดขาย ซึ่งยอดขายอยู่ที่ตัวละเกือบสองพันบาท
ในตอนแรกที่เริ่มคิดผลิตภัณฑ์ได้แล้วก็เริ่มขายจากกลุ่มเพื่อนแบบบอกปากต่อปาก และเริ่มนำไปลงขายในเวปไซด์ที่ให้เขียนบล็อกฟรี และทำเฟสบุ๊ก
ด้วยเพราะฝีมือที่ดี มีความคิดสร้างสรรค์ และเป็นสินค้าที่มีคนทำน้อยจนนับรายได้ ทำให้สินค้านี้มีศักยภาพดึงดูดลูกค้าเข้ามาจำนวนมากภายในเวลาไม่นาน
หลังจากนั้นเกือบสองเดือนออเดอร์ก็หลั่งไหลเข้ามาเกินกว่าร้อยชิ้น!! และทั้งหมดนั้นเป็นออเดอร์ที่ลูกค้าโอนเงินเข้ามาก่อน
หากท่านเป็นนักขายหรือนักการตลาดหรือพ่อค้าหรือเจ้าของกิจการอะไรก็คงจะดีใจแน่ๆ
หลังจากนั้นไม่นานเพื่อนผมก็ปิดรับออเดอร์ไปเดือนนึงเพราะออเดอร์ที่ทะลักเข้ามานั้นเยอะเกินกว่าที่จะผลิตได้ทัน ทำให้ต้องค่อยๆทยอยผลิตและส่งไปเรื่อยๆ แต่ถึงจะปิดรับออเดเอร์ใหม่ก็ยังผลิตหลายๆออเดอร์ได้ไม่ทันกำหนดการ ต้องเรทไป เลื่อนไป บางรายรอไม่ไหวก็คืนเงินลูกค้าไป
เรียกว่าหยุดรับออเดอร์ไปเดือนนึง แต่กระแสของลูกค้าก็ยังไม่หมด ยังมีหลายคนที่เข้ามาคอมเม้นขอจองสั่งสินค้า
หลังจากเคลียร้อยออเดอร์แรกเสร็จก็เริ่มเปิดรับออเดอร์เข้ามาก็มีลูกค้าสั่งเข้ามาเรื่อยๆ เรียกว่าจนรายได้เยอะกว่าคนทำงานที่มีตำแหน่งผู้บริหารหลายๆคนซะอีก
ความสำเร็จทั้งหมดนี้อาจจะเรียกได้ว่าแทบจะไม่ได้ใช้การตลาดเลยและใช้การบริการที่ไม่ได้ดีเท่าที่ควรซะด้วย สิ่งที่ดึงดูดลูกค้ามีเพียงแค่ตัวผลิตภัณฑ์กับช่องว่างทางตลาด
ธุรกิจขายสินค้าแฮนเมดของเพื่อนผมคนนี้เวลาส่วนใหญ่ที่ใช้ในธุรกิจแทบไม่ได้ใช้ทำการตลาด หรือคิดวิธีการสื่อสารอะไรกับลูกค้าเลย เฟซบุ๊คหรือเวปไซด์ก็แทบไม่ได้เข้าไปอัพเดท เวลาส่วนใหญ่วุ่นอยู่กับการผลิต
ธุรกิจส่วนมากมักมีปัญหาในเรื่องรายได้ไม่เพียงพอต่อรายจ่ายจึงทำให้ต้องเลิกกิจการไป หลายๆคนมักจะคำนึงแต่วิธีการทำการตลาด วิธีการโฆษณาเพื่อขยายสื่อของธุรกิจตัวเองให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายให้ได้มากที่สุด แต่ลืมคิดไปเลยว่าตัวสินค้าเองก็เป็นการตลาดเหมือนกัน หากสินค้าที่มีอยู่เป็นผลิตภัณฑ์ที่ดี มีศํกยภาพแข่งขันในตลาดได้ แม้ว่าจะไม่ได้ทำการตลาดมากมายนัก ยอดขายก็เข้ามาเรื่อยๆ จนเต็มยอดการผลิตของคุณ
และยิ่งคุณทำให้ผลิตภัณฑ์ของคุณเป็นที่จำเป็นกับลูกค้าได้มากเท่าไหร่ โอกาสในการให้อภัยกับความผิดพลาดของบริการของคุณก็ยิ่งสูง
ผมเคยได้เรียนเรื่องQCD มาก่อนซึ่งถือเป็นปัจจัยในการทำธูรกิจ
Q = Quality =คุณภาพ
D = Delivery = การขนส่ง
C = Cost = ราคา
ในความเป็นจริงแล้วการขนส่งและราคาจะมีน้ำหนักน้อยมาก หากสินค้าของคุณไม่มีคุณภาพ หรือไม่เป็นที่ต้องการของตลาด ต่อให้ทำการตลาดมากแค่ไหน หากคุณภาพใช้ไม่ได้ ก็เหนื่อยและใช้เงินในอัตราที่มากในการทำการตลาด หรือต่อให้บริการดี จัดส่งได้ตามเวลาได้มากแค่ไหน หากลูกค้าไม่ได้ต้องการผลิตภัณฑ์ของคุณก็ป่วยการที่จะเสนอบริการที่ดีให้กับเค้า
แต่หากสินค้าคุณเป็นที่ต้องการของตลาดเงินที่ใช้ในการตลาดก็จะน้อยลง
ธุรกิจเกือบทุกอย่างจำเป็นต้องเผื่อเงินทุนสำหรับค่าการตลาดอยู่เสมอ แต่ถ้าธุรกิจของท่านมีช่องว่างในการตลาดมากก็จะได้เปรียบไม่ต้องใช้เงินมากในการเรียกลูกค้า ในช่วงนี้ถือว่าต้องรีบเก็บเกี่ยวเพราะไม่ใช่ว่าจะเป็นแบบนี้ได้ตลอด ทุกธุรกิจผมเชื่อว่าสุดท้ายแล้วก็จะมีคู่แข่งหรือทางเลือกที่ทำให้ลูกค้าเลือกได้โดยที่ไม่ต้องพึ่งเรา แต่ละธุรกิจมันมีอายุขัยของมัน
หากเข้าได้ถูกช่องว่างของตลาดและสินค้ามีคุณภาพมีความแข็งแกร่ง สามารถสร้างแบรนจนลูกค้าชื่นชอบยอมรับได้ย่อมทำเรียกลูกค้าได้โดยที่แทบจะไม่ต้องใช้ค่าการตลาด
ก่อนที่จะทำการตลาดควรจะทำให้สินค้าและบริการเข้มแข็งก่อน เพราะสินค้าและบริการที่เข้มแข็งก็เป็นการตลาดอย่างนึง
ปัจจัยภายในต้องเข้มแข็งก่อนจะทำให้ดึงปัจจัยภายนอกเข้ามาได้ง่าย
บทความจาก www.toytorich.com
Facebook: www.facebook.com/pages/Sawmoon/465074080170124?ref=hl
ติดต่อ 084-919-5600,098-424-7672 Email: toytorich@gmail.com
Facebook : www.facebook.com/toytorich Line : @toytorich