หลายครั้งเวลาที่ล่ามอยู่มักจะเกิด “ผู้รู้”
ขออธิบายลักษณะของ”ผู้รู้” นะครับ
ส่วนมากมักจะเป็นคนไทย ที่มีความรู้ภาษาญี่ปุ่นนิดหน่อย แต่มีความปรารถนาดีชอบช่วยแก้ให้ล่าม หรือบางครั้งก็แปลให้ล่ามในตอนที่ล่ามไม่ได้ติดขัดอะไร อาจจะรู้เนื้องานดีกว่าเข้าใจในเรื่องที่พูดมากกว่าล่าม ชอบหาข้อผิดพลาดให้ ชอบแก้ให้ หรือแปลให้ในบางประโยค ถึงหลายประโยค จนบางครั้งล่ามเริ่มไม่กล้าแปลต่อเพราะเสียความมั่นใจ บางครั้งแทรกขึ้นในระหว่างที่แปลก็มี
“ผู้รู้” แปลเสร็จแล้วก็จะเงียบไปถือว่าเสร็จสิ้นภารกิจของเค้าแล้ว แต่ทิ้งความตะขิดตะขวงใจไว้ให้ล่าม
เกิดความกดดันขึ้นเล็กน้อยว่ามีคนเพ่งเล็งอยู่นะ จะแปลมั่วๆทั้งที่ไม่ค่อยชัว จะมี”ผู้รู้”ช่วยค้านให้นะ
โดยส่วนใหญ่แล้วล่ามไม่ค่อยชอบให้เกิด”ผู้รู้”ในตอนที่ล่าม
หาก”ผู้รู้”มีหน้าที่ต้องซัพพอร์ตให้ล่าม หรือมีหน้าที่ล่ามก็พอเข้าใจ
แต่หลายครั้งก็ต้องเจอ”ผู้รู้” หัวรุนแรงผู้ซึ่งไม่ยอมให้ล่ามที่แปลได้ไม่ดีเท่าเค้าแปล ก็จะโดนแย่งซีน เปลี่ยนผู้แปลไปโดนปริยายทั้งๆที่เค้าไม่ได้มีหน้าที่ล่าม
ในเวลาอย่างนั้นผมคิดว่าล่ามต้องใจครับ ยังไงก็ต้องแปลต่อ เพราะมันคือหน้าที่ หากทิ้งให้”ผู้รู้”แปลทั้งหมดก็เหมือนกับคุณผลักภาระไปให้เค้า แม้ว่าอาจจะแปลผิดบ้างเล็กน้อยและถูก”ผู้รู้”ช่วยแก้ให้ แต่ก็ขอให้คิดซะว่า มี”ผู้รู้”ช่วยแก้ในรายละเอียดก็ทำให้งานดีขึ้นแล้วล่ามเองก็จะได้รู้ด้วย
แต่หากเราแปลได้ในระดับที่”ผู้รู้” ยอมรับแล้วล่ะก็ “ผู้รู้” ก็จะไม่แสดงความรู้ออกมาแล้วอยู่เงียบๆไป
“ผู้รู้”มีหลายแบบมีทั้งที่เจตนาดีและไม่ดี บางคนก็เพียงแค่ต้องการแก้ไขความเข้าใจให้ถูกต้อง บางคนก็ต้องการแกล้งล่าม ข่มล่าม บางคนก็ต้องการโชว์พาว
ขอเสนอ”ผู้รู้”ที่ไม่ค่อยจะถูกกับล่าม
“ผู้รู้”ประเภทที่หนึ่ง “แก้ให้” ชอบออกตัวแทรกมาระหว่างที่ล่ามแปล และแก้ไขในเรื่องเล็กน้อยที่ไม่ได้ผิดอะไรมาก ไม่ได้ต้องเร่งด่วนอะไร แต่อยากจะเสริมให้ฟัง
ประเภทที่สอง “ล่ามเองบางประโยค” จะมาช่วยล่ามให้แต่จะไม่ทำเองทั้งหมด แต่พอดีว่าประโยคนั้นเค้าได้พอดี
ประเภทที่สาม “ดิสเครดิต” บอกจุดผิดพลาดของล่ามมากลางที่ประชุม
ประเภทที่สี่ “คุยเอง” ผู้รู้บางคนไม่เชื่อใจล่าม พอมีความรู้สื่อสารได้อยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ว่าสื่อสารได้ดีทั้งหมด แต่เนื่องเพราะไม่ถูกใจล่าม ไม่เชื่อใจ ก็เลยคุยเอง
แต่ทั้งๆนี้ทั้งนั้น การเกิด”ผู้รู้” เป็นเรื่องธรรมดา ไม่ใช่ว่าจะเป็นสิ่งไม่ดี หากเราสามารถพัฒนาตัวเองให้เก่งได้จน”ผู้รู้”ยอมรับก็จะหมดปัญหานี้ไป
และเรื่องนี้จริงๆแล้วก็เป็นเพียงแค่มารยาททางสังคมเท่านั้นเอง ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรที่ล่ามจะต้องไปแจ้งความ
หากจะเก่งให้ได้ยังไงก็ต้องมีจิตใจหนักแน่นสร้างตัวเองให้แข็งแกร่ง(ไม่ใช่กล้ามเนื้อนะ หมายถึงความรู้ด้านภาษาและจิตใจ)พอที่จะก้าวข้ามปรากฏการณ์”ผู้รู้”ไปให้ได้
บทความจาก www.toytorich.com
ติดต่อ 084-919-5600,098-424-7672 Email: toytorich@gmail.com
Facebook : www.facebook.com/toytorich Line : @toytorich