ข้อดีของการเข้าซื้ออย่างเป็นมิตร

(ที่มาภาพ http://wasu-interior.blogspot.com/2007/03/blog-post.html)

ปกติธุรกิจที่ถูกซื้อจะถูกนำมาใช้เพื่อเกื้อหนุนกับธุรกิจอื่นๆของผู้ที่ซื้อ

แต่วอร์เรน บัฟเฟตต์ คนที่รวยเป็นอันดับสองของโลกที่ร่ำรวยมาจากการลงทุนในหุ้นไม่ทำอย่างนั้น เค้าซื้อแล้วปล่อยให้ธุรกิจเดินเอง ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว ไม่ส่งคนของตัวเองเข้าไปทำงาน ไม่ปรับเปลี่ยนผู้บริหาร ยกการตัดสินใจในเรื่องการบริหารให้กับผู้บริหารคนเดิมของบริษัทนั้นๆ อีกทั้งยังไม่นำธุรกิจที่ซื้อมาใช้เพื่อสนับสนุนต่อธุรกิจที่ตัวเองมีอยู่ อาจจะมีก็แค่ให้ส่งงบการเงินตามกำหนดการก็เท่านั้นเอง แต่โดยพื้นฐานก็จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวหากไม่เป็นเรื่องร้ายแรงถึงความเป็นความตายของบริษัทนั้นจริงๆ

ผมไม่เข้าใจมาโดยตลอดว่า “คนที่รวยเป็นอันดับสองของโลก และเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ น่าเคารพอย่างวอร์เรน บัฟเฟตต์จะซื้อกิจการทั้งที ทำไมไม่นำธุรกิจที่ซื้อมาช่วยสนับสนุนกลุ่มธุรกิจของตัวเอง”

จนกระทั่งผมได้เห็นข่าวนี้

“Dennis Crowley ผู้ก่อตั้ง Dodgeball.com ซึ่งเป็น Mobile Social ในอเมริกา ที่ถูกซื้อโดย Google ไปในปี 2005 และ Dennis ลาออกจาก Google ในปี 2007 มาเปิดบริการคล้ายๆกับ Dodgeball โดยใช้ชื่อ FourSquare.com ในปี 2009”

ที่มาhttp://www.manager.co.th/SMEs/ViewNews.aspx?NewsID=9540000030137

ข่าวนี้ไม่เกี่ยวกับวอร์เรน บัฟเฟตต์หรอกครับ

แต่พอเชื่อมเรื่องราวแล้วลองคิดดูจึงนึกบางเรื่องออก

เจ้าของกิจการที่เก่ง ขยัน และสนุกกับการทำงาน ทำธุรกิจ หากสูญสิ้นรางวัลที่สมน้ำสมเนื้อกับสิ่งที่ทุ่มเทไป และอิสระในการตัดสินใจ เกียรติในฐานะผู้บัญชาการ ก็จะหมดแรงบันดาลใจในการขับเคลื่อนธุรกิจต่อไป

เจ้าของเดิมขายบริษัทเสร็จแล้วบริหารงานต่อไปสักพัก ก็ออกมาทำธุรกิจเหมือนเดิมแข่ง เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ

เช่นในกรณี คุณตันขายโออิชิให้เบียร์ช้าง หลังจากนั้นบริหารงานอยู่หลายปี ก็ออกจากโออิชิมาผลิตชาเขียวยี่ห้อใหม่เพื่อแข่งกับบริษัทโออิชิ(ที่เคยเป็นของตัวเอง)

การแทรกแซงการบริหารเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดสิ่งเหล่านี้ได้

วอร์เรนบัฟเฟตมีผู้บริหารที่เป็นเถ้าแก่ และเจ้าของดั้งเดิมในธุรกิจนั้นๆทำงานให้กับเค้ามากมายหลายคน  และแต่ละคนก็มีความสามารถที่เก่งมากๆ น้อยคนนักที่จะคิดสร้างธุรกิจที่เหมือนกับที่ขายไปแล้วมาแข่งกับเค้าอีก

การที่จะมีเถ้าแก่มาเป็นผู้บริหารได้การซื้อกิจการอย่างเป็นมิตรสำคัญมาก

และหากเถ้าแก่ยังบริหารงานต่อให้กับเราการที่เจ้าของเดิมจะสร้างธุรกิจขึ้นมาแข่งก็เป็นไปไม่ได้

ผมคิดว่านี่คือหนึ่งเหตุผลที่วอร์เรน บัฟเฟตต์เลือกซื้อกิจการอย่างเป็นมิตร

หากอยากจะรักษาผู้บริหารดังเดิมไว้เพื่อไม่ให้เค้าสร้างธุรกิจใหม่มาแข่งการซื้อกิจการโดยไม่ก้าวกายการบริหารเลยก็เป็นทางเลือกนึง